อาหารแมวและการให้อาหารแมว

โปรตีน มีอยู่ในเนื้อสัตว์ เนื้อปลาและถั่วต่างๆ แมวนำประโยชน์ของโปรตีนแต่ละชนิดไปใช้ได้มากน้อยต่างกัน โปรตีนมีความสำคัญต่อแมวเกี่ยวกับการเจริญเติบโต การสร้างแอนติบอดีสำหรับป้องกันเชื้อโรค ซ่อมแซมเนื้อเยื่อต่างๆ ทำให้ขนงอกตลอดจนสร้างเอนไซน์ต่าง ๆ เป็นต้น ลูกแมวที่กำลังเติบโตต้องการโปรตีนไม่น้อยกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ ส่วนแมวที่โดเต็มที่แล้วต้องการโปรตีนไม่ต่ำกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ ถ้าแมวได้รับอาหารที่มีโปรตีน ต่ำกว่า 18 เปอร์เซ็นต์จะเบื่ออาหารง่าย

คาร์โบไฮเดรต แมวต้องการคาร์โบไฮเดรตซึ่งมีอยู่ในน้ำตาล แป้งและข้าวต่าง ๆ เพื่อเป็นกำลังงานในการเจริญเติบโตการผลิตน้ำนมและการทำงานความต้องการพลังงานของแมวขึ้นอยู่กับกิจกรรมของแมว เช่น แมวที่เคลื่อนไหวทำงาน วิ่งเล่น ย่อมต้องการพลังงานมากกว่าแมวที่นอนอยู่เฉยๆ

ไขมัน แมวต้องการไขมันสำหรับกำลังงานหรือแคลอรี่ประมาณ 8เปอร์เซ็นต์ ไขมันให้กำลังงานมากกว่าคาร์โบไฮเดรต 2 เท่า และไขมันยังมีกรดไขมันซึ่งมีความสำคัญต่อโภชนาการและการเจริญตามปกติของแมว แมวขาดกรดไขมันจะทำให้ผิวหนังแห้งและเจริญเติบโตช้า ถ้ามีไม่เพียงพอจะก่อให้เกิดอาการของโรคขึ้น นอกจากนี้ไขมันยังให้พลังงานเพื่อการเจริญเติบโตตลอดจนการต่อสู้ต่อความเครียด ความหนาว และถ้าขาดมากเกินไปอาจจะทำให้ตายได้

วิตามิน วิตามิน หมายถึง สารจำนวนน้อยที่สำคัญต่อชีวิต ดังนั้นการให้วิตามินมากเกินไปจึงไม่จำเป็นและมีโทษด้วย วิตามินมีอยู่หลายชนิด ช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโตและช่วยควบคุมการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ อาหารแต่ละอย่างจะให้วิตามินแต่ละชนิดมากน้อยต่างกัน เช่น

แร่ธาตุ มีอยู่หลายชนิดด้วยกัน ช่วยในการสร้างกระดูก ฟัน และเลือด ช่วยควบคุมการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ อาหารแต่ละอย่างก็ให้แร่ธาตุแต่ละชนิดมากน้อยต่างกัน แร่ธาตุที่สำคัญ คือ แคลเซียมและฟอสฟอรัสนเป็นแร่ธาตุที่ช่วยเสริมให้กระดูกแข็งแรง ถ้าขาดไปจะทำให้แมวเป็นโรคกระดูก อ่อนโค้งงอหักง่าย

ที่มาYouTudeช่อง Meowbarn

การให้อาหารแมว

ควรให้ลูกแมวอยู่กินนมแม่ไปตลอดจนกว่าจะหย่านมไปเอง ไม่ควรให้ลูกแมวหย่านมเมื่ออายุต่ำกว่า 45 วัน เพราะจะทำให้สุขภาพของแมวไม่สมบูรณ์ในภายหลังได้ อย่างไรก็ตามหลังจากหย่านมแล้วน้ำนมยังเป็นอาหารที่สำคัญและจำเป็นต่อลูกแมวอยู่จนกว่าอายุจะเลยเก้าเดือน
ไปแล้ว อาหารอย่างอื่นจึงจะสำคัญและจำเป็นกว่า แต่ควรให้แมวกินนมวันละครั้งหรือเป็นครั้งคราว และต้องคอยสังเกตว่าแมวมีอาการท้องร่วงท้องเสียจากการกินนมหรือไม่ถ้ามีควรงด ลูกแมวอายุประมาณ 3 เดือนควรตั้งต้นให้กินอาหารเนื้อได้แล้ว แต่ควรเป็นเนื้อที่สับละเอียดและให้เพียงเล็กน้อย ลูกแมวอายุ 5 ถึง 7 อาทิตย์และแม่แมวให้นมลูกควรจัดให้กินวันละ 4 มื้อ พออายุ 7 ถึง 12 อาทิตย์ลดลงเหลือ3มื้อ

ลูกแมวที่กำลังโตหรือหย่านมแล้วผู้เลี้ยงสามารถจัดอาหารให้กินน้อยลงได้ คือให้วันละ 3 มื้อเท่า ๆ กับคนและเมื่อโตเต็มที่เป็นแมวหนุ่มที่อาจลดจำนวนอาหารเหลือเพียง 2 มื้อ คือเช้าและเย็นก็พอ ที่สำคัญคือควรฝึกให้แมวกินอาหารเป็นเวลา ไม่ควรทิ้งอาหารไว้ในจานให้แมวกินตลอดทั้งวัน เพราะเป็นการเสียนิสัย อาหารอาจมีแมลงวันตอมนำเชื้อโรคมาให้หรืออาหารบูดเสีย ทำให้แมวท้องร่วงได้

อาหารที่ใช้เลี้ยงแมวกำลังตั้งท้องนั้นจะต้องมีคุณภาพสูง โปรตีนมากไขมันน้อย ขนาดและปริมาณที่ใช้ใน 5 ถึง 6 อาทิตย์แรกของการตั้งท้องพอๆ กับใช้เลี้ยงดูแมวโตเต็มวัยประจำวัน แต่จะเพิ่มปริมาณอาหารให้มากขึ้นตาม น้ำหนักตัวแมวในระยะ 3 อาทิตย์สุดท้ายก่อนคลอด คือเพิ่มอาหารให้ปริมาณ 10 ถึง 20 เปอร์เซ็นต์

แมวแก่แมวสูงอายุ ร่างกายย่อมต้องการพลังงานน้อยลงจึงไม่ต้องการอาหารมากนัก เพราะถ้ากินมากก็จะทำให้มีน้ำหนักตัวมากหรืออ้วนเกินไป ซึ่งควรให้อาหารน้อยลง โดยหลักการแล้วอาหารสำหรับแมวแก่ต้องย่อยง่าย เช่น เนื้อที่ไม่มีผังผืด อาหารที่ไม่มีไขมันหรือน้ำตาลที่จะทำให้อ้วนพวกแป้ง วิตามิน รวมทั้งแร่ธาตุต่าง ๆ เพื่อบำรุง ร่างกายปริมาณที่ให้ก็ไม่ควรมากเกินไป เพราะแมววัยนี้แล้วไม่กระฉับกระเฉง การวิ่งเล่นออกกำลังกายย่อมน้อยลงตามอายุ กินกินนอนนอนไม่ได้ใช้พลังงานมากนัก ระบบย่อยอาหารและขับถ่ายเริ่มย่อนประสิทธิภาพ ฉะนั้นอาหารที่กินเข้าไปมาก ๆ นอกจากจะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์แล้วยังทำให้เกิดโทษ เช่น แน่นท้องและท้องอึดได้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *