การดูแลแมวในช่วงตั้งท้อง
แมวที่ทำการผสมพันธุ์แล้ว ผู้เลี้ยงควรให้พักอยู่ในกรงและหลีกเลี่ยงไม่ให้แมวเพศผู้ ตัว อื่นมาผสมพันธุ์ช้าอีก ซึ่งอาจจะทำให้ได้ลูกแมวจากพ่อพันธุ์ที่ผู้เลี้ยงไม่ต้องการ โดยทั่วไปแมวจะเกิดการตกไข่หลังถูกผสมแล้วประมาณ 1 วัน ไช่จะทำการผสมกับอสุจิที่ห่อนำไข่ผนังมดลูก ซึ่งจะเกิดขึ้นภายในและเดินทางมาถึงปีกมดลูก ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 5 วัน จากนั้นจะทำการฝังตัวอ่อนกับ 2 สัปดาห์ หลังจากทำการผสมพันธุ์แล้ว การตั้งท้องของแมวจะใช้เวลานานถึง 63-66วัน จากนั้นลูกแมวจะคลอดออกมา การดูว่าแมวที่ทำการผสมพันธุ์ไปท้องหรือไม่ อาจจะสังเกตได้จากหัวนมของแมวจะมีสีชมพูขึ้น และใหญ่ขึ้นกว่าปกติ หรือใช้การคลำเบาๆ ที่ช่องท้องในช่วง 17-25วัน ของการตั้งท้อง จะพบว่ามดลูกทำการขยายตัวมีลักษณะกลมเป็นช่วงๆ แต่การคลำจะต้องกระทำอย่างนิ่มนวลเพราะจะกระทบกระเทื่อนลูกในท้องได้ แมวที่ตั้งท้องระยะแรกๆ ผู้เลี้ยงไม่จำเป็นจะต้องเพิ่มอาหารให้มากนักจนกว่าจะถึง 6 สัปดาห์ จึงจะทำการเพิ่มอาหารโดยอาจจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าของอาหารที่ให้ และอาจจะให้กินบ่อยครั้งขึ้น ผู้เลี้ยงควรจะเสริมอาหารที่มีแคลเซี่ยมสูง เช่น นม เป็นต้น
ก่อนที่แมวจะคลอดตามกำหนด ผู้เลี้ยงควรจัดเตรียมสถานที่สำหรับให้แมวคลอดลูกอาจจะเป็นกล่องหรือตะกร้าที่ปูด้วยเศษผ้าหรือกระดาษหลายๆ ชั้น และควรทำการผิกให้แมวได้คุ้นเคยกับสถานที่ที่เตรียมไว้ให้ในการคลอดด้วย

การคลอดลูก
การคลอดลูกแมวนั้นมีความสามารถคลอดลูกได้เองโดยไม่มีปัญหาเรื่องการคลอดลูกยากแต่ผู้เลี้ยงควรเฝ้าสังเกตการคลอดลูกของแมวอยู่ห่างๆเพราะบางครั้งก็มีความจำเป็นที่จะต้องช่วยเหลือจะได้ช่วยได้ทันที ระยะแรกของการคลอด(2-24 ชั่วโมง)แม่แมวจะกระวนกระวายจะไม่สนใจอาหารจะทำการเลียบริเวณปากช่องคลอดวนเวียนเข้าๆออกๆจากลังหรือกล่องที่เตรียมไว้ให้บางครั้งอาจจะส่งเสียงร้องเมื่อใกล้คลอด
ผู้เลี้ยงจะพบว่าแม่แมวจะเริ่มมีอาการบีบตัวของช่องท้อง จะสังเกตเห็นน้ำไหลออกมาจากช่องคลอด แม่แมวจะเริ่มอยู่กับที่ในลังหรือกล่องเมื่อเข้าสู่ระยะที่สองของการคลอด แม่แมวจะทำการเบ่งคลอดถี่และแรงขึ้น บางตัวอาจส่งเสียงร้องการเบ่งคลอดในแม่แมวแต่ละตัวจะใช้เวลานานไม่เท่ากัน โดยเฉลี่ยจะใช้เวลาประมาณ 30-45 นาทีก่อนที่ลูกแมวจะคลอดออกมาโดยปกติลูกแมวจะเอาส่วนหัวโผล่ออกมาก่อน บางครั้งก็จะพบได้ว่าลูกแมวเอาส่วนท้ายคลอดออกมา หากลูกแมวคลอดออกมาแต่หัวและคาอยู่ที่ช่องคลอดเป็นเวลานานอาจจะทำให้ลูกแมวเสียชีวิตได้ ถ้าหากเป็นเช่นนี้ผู้เลี้ยงควรจะช่วยโดยใช้ผ้าขนหนูสะอาดๆช่วยจับและค่อยๆดึงลูกแมวออกมา
ตามธรรมชาติเมื่อลูกแมวทำการคลอดออกมาแม่แมวจะเลียลูกซึ่งจะเป็นการช่วยขจัดเยื่อเมือกที่ปกคลุมตัวลูกและเป็นการช่วยกระตุ้นระบบหายใจในลูกแมว ส่วนใหญ่แม่แมวจะทำการกัดสายสะดือและกินรกซึ่งปกติจะทำการขับออกมาตามหลังลูกแมวแต่ละตัว ถ้าหากว่าแม่แมวไม่ยอมเลียลูกและไม่กัดสายสะดือของมันผู้เลี้ยงจะต้องเข้าไปช่วยเหลือโดยลำดับแรกจะต้องทำการฉีกถุงที่หุ้มลูกแมวออกมาให้หมด และใช้ผ้าขนหนูเช็ดตามตัวลูกแมว พยายามทำให้ทางเดินหายใจเปิดออก โดยการใช้ลูกยางดูดบริเวณปากและจมูกเพื่อช่วยขจัดเยื่อเมือกที่อุดทางเดินหายใจและทำการจับหัวลูกแมวทิ่มลงเพื่อให้น้ำที่คั่งค้างในระบบทางเดินหายใจไหลออกมาจะเป็นการช่วยให้การหายใจในลูกแมวจากนั้นผู้เลี้ยงจะต้องใช้ด้ายผูกที่สะดือโดยห่างจากตัวลูกแมวประมาณ 1 ชม. แล้วจึงตัดสายสะดือส่วนที่เชื่อมติดกับรกออกมา และทาด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรคบนสายรก ในระยะที่สาม หรือ ช่วงสุดท้ายของการคลอดซึ่งจะดำเนินต่อเนื่องกันกับช่วงที่สอง แม่แมวจะทำการขับรกและน้ำในมดลูกออกมา แม่แมวส่วนใหญ่จะกินรกเข้าไปถ้าหากแม่แมวไม่กินรก ผู้เลี้ยงควรเก็บรกออกไประยะเวลาที่ลูกแมวแต่ละตัวคลอดจะใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที ถึง 1 ชั่วโมง

การคุมกำเนิดแมว
การคุมกำเนิดแมวแมวจะมีลูกได้ปีละ 2 ครอกหรือประมาณ4-6 ตัว ถ้าหากผู้เลี้ยงปล่อยให้แมวคลอดลูกบ่อยๆจำนวนลูกแมวจะทำการเพิ่มขึ้นจนกลายเป็นภาระของผู้เลี้ยงต่อไป ถ้าหากว่าผู้เลี้ยงคนใดไม่ต้องการที่จะได้ลูกแมวหรือไม่อยากให้แมวที่บ้านมีจำนวนมากจนเกินไป ควรควบคุมจำนวนแมวไม่ให้เพิ่มจำนวนขึ้นโดยการคุมการกำเนิดแมวดัวนี้
1.การคุมกำเนิดถาวร (การคุมกำเนิดโดยศัลยกรรม)
การคุมกำเนิดถาวร (การคุมกำเนิดโดยศัลยกรรม)การทำหมันในแมวเพศเมีย คือ การที่ตัดเอารั่งไข่และมดลูกออกมา ส่วนในแมวเพศผู้นั้นทำได้โดยการตัดเอาอัณฑะทั้ง 2 ข้างออก การคุมกำเนิดโดยวิธีการศัลยกรรมถือเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดของแมวและจะมีผลข้างเคียงน้อยมาก ในแมวเพศเมียที่ทำหมันตั้งแต่ก่อนการติดสัดครั้งแรกจะลดความเสี่ยงในการเกิดเนื้องอกที่เต้านมได้ ส่วนในแมวเพศผู้นั้นจะลดพฤติกรรมการปัสสาวะไม่เป็นที่ลงได้ และยังช่วยลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บ การติดเชื้อโรคการเกิดฝี ขึ้นได้
แมวเพศผู้และแมวเพศเมีย สามารถผ่าตัดทำหมันได้ต่อเมื่อมีอายุประมาณ 5 เดือน การผ่าตัดทำหมันผู้เลี้ยงจะต้องทำการงดอาหารก่อนการผ่าตัด 12 ชม. และงดน้ำก่อนผ่าตัด 6 ชม. เมื่อทำการผ่าตัดเสร็จเรียบร้อยจะต้องดูแลหลังการผ่าตัด โดยการทาแผลด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อทุกวันและไม่ให้แมวเลียหรือทำการกัดไหมที่เย็บไว้ ผู้เลี้ยงควรจะใส่เสื้อให้แมวเพื่อช่วยป้องกันปัญหาแมวกัดแผลแผลที่เย็บจะหายสนิทใช้เวลาประมาณ 7 วันแล้วทำการตัดไหมเป็นครั้งสุดท้าย
2.การคุมกำเนิดชั่วคราว (คุมกำเนิดโดยการใช้ยาคุม)
การคุมกำเนิดชั่วคราว (คุมกำเนิดโดยการใช้ยาคุม)การคุมกำเนิดวิธีนี้จะใช้วิธีการฉีดฮอร์โมนประเภทโปรเจสเตอโรน (Progestrone) และประเภทเอสโตรเจน (Estrogen) โดยสารโปรเจสเตอโรนใช้เพื่อป้องกันการแสดงอาการติดสัด ส่วนเอสโตรเจนจะใช้เมื่อไม่ต้องการให้แมวตั้งท้องหลังจากการผสมพันธุ์มาแล้ว โดยการฉีดยาแต่ละครั้งจะช่วยยับยั้งการติดสัดได้ประมาณ 4-5 เดือน สิ่งที่สำคัญคือจะต้องทำการฉีดยาต่อเมื่อแมวไม่ได้ติดสัด คือ หลังจากทำการคลอดลูกแล้ว 1 สัปดาห์ ผลข้างเคียงของการฉีดยาคุม อาจจะทำให้เกิดมดลูกอักเสบเป็นหนองได้ การคุมกำเนิดแมวโดยการผ่าตัดจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด

ข้อจำกัดของการใช้ฮอร์โมนมีตั้งแต่ปริมาณยาที่ใช้ ระยะเวลาที่จะต้องทำการฉีดและอาการข้างเคียง ถ้าหากใช้ไม่เหมาะสมผลข้างเคียงที่พบมี 2 ลักษณะคือ
1.มดลูกอักเสบเป็นหนอง
มดลูกอักเสบเป็นหนองเกิดจากการที่เชื้อแบคทีเรียที่ทำการเจริญเติบโตในมดลูก เชื้อแบคทีเรียนี้เข้าสู่มดลูกได้โดยทางปากช่องคลอด ปัจจัยที่สามารถทำให้เกิดการติดเชื้อในมดลูกซึ่งจะพบมากคือ การ ฉีดยาคุมกำเนิดให้กับแมวหลายๆ ครั้งหรือการฉีดในช่วงที่แมวกำลังติดสัด แมวที่ป่วยเป็นมดลูกอักเสบจะแสดงอาการป่วยให้เห็น โดยอาการที่พบจะมีอาการซึม ไม่กินอาหาร มีไข้อาเจียน ผิวหนังแห้ง อาจจะพบได้ว่าช่องท้องทำการขยายตัวใหญ่ขึ้นและส่วนมากจะพบหนองไหลออกมาจากช่องคลอดทำให้แมวเสียชีวิตในเวลาต่อมา ผู้เลี้ยงจึงควรนำแมวไปรับการรักษาการรักษาที่ได้ผลที่สุดคือการตัดเอารังไข่และมดลูกออกมา ซึ่งเป็นการทำหมันแมวไปในตัวจะทำให้แมวกลับมาสู่สภาวะปกติได้เร็ว
2.ลูกตายในท้อง
ลูกตายในท้องผู้เลียงมักจะพาแมวไปทำการฉีดยาคุมเมือเห็นว่าแมวกำลังติดสัดการฉีดยาคุมนั้นจะไม่ช่วยอะไรได้เลยแต่จะทำให้เกิดความไม่สมดุลของฮอร์โมนเพศ ทำให้เกิดการติดเชื้อโรคเข้าสู่ช่องคลอดได้ง่ายและจะทำให้มดลูกเกิดการอักเสบได้ แต่ถ้าหากทำการฉีดยาบ่อยครั้งก็อาจจะเกิดความผิดปกติของผนังมดลูกได้ เนื่องจากโปรเจสเตอโรนจะไปทำให้เกิดการขยายตัวและการเจริญของต่อมบนผนังมดลูก ทำให้เกิดการขับสารและทำให้ผนังมดลูกอ่อนนุ่มได้
เมื่อทำการฉีดยาบ่อยครั้งสภาพมดลูกจะทำให้มีโอกาสติดเชื้อแทรกซ้อนและมีการสะสมเชื้อโรคทำให้มดลูกอักเสบเกิดเป็นเนื้อตายเน่าอยู่ภายใน ทำให้เกิดการสะสมของหนองจนในที่สุดหนองนั้นจะออกมาจากทางช่องคลอดให้เห็น ถ้าหากว่าแมวไม่ได้รับการเลี้ยงดูเอาใจใส่แมวก็จะมีสภาพทรุดโทรม ไม่กินอาหาร มีเลือดออกมาจากช่องคลอด เรียกว่า“มดลูกเป็นหนอง” ถ้าหากผู้เลี้ยงพบเห็นให้รีบพาไปรับการรักษาทันทีแต่ถ้าหากว่าแมวได้รับการผสมพันธุ์มาแล้วแต่ผู้เลี้ยงไม่ทราบและพาไปฉีดยาคุมโปรเจสเตอโรนในระยะแรกก็จะไม่พบผลเสียใดๆเนื่องจากแมวทำการตั้งท้องฮอร์โมนชนิดนี้จะทำหน้าที่ช่วยพยุงการตั้งท้อง แต่ในภาวะธรรมชาติแมวจะทำการตั้งท้องประมาณ 9 สัปดาห์หรือ 2 เดือน และเมื่อแมวจะคลอดฮอร์โมนชนิดนี้จะลดต่ำลงอยู่ในระดับต่ำที่สุดจึงจะทำให้เกิดการคลอดได้ ถ้าหากแมวได้รับการฉีดยาคุมโปรเจสเตอโรนจะทำการสะสมในกระแสเลือด เพราะฮอร์โมนที่ฉีดเข้าไปจะสามารถอยู่ในร่างกายได้นานถึง 3-4 เดือนภาวะการคลอดลูกจึงไม่เกิดขึ้น เมื่อไม่มีการคลอดลูกและลูกโตเต็มวัยที่ภายในมดลูกแล้ว ก็จะเริ่มเกิดความผิดปกติและตายในที่สุด ถ้าหากว่าลูกที่ตายไม่มีการติดเชื้อแทรกซ้อนก็จะกลายเป็นลูกกรอกภายในมดลูก แม่แมวอาจจะไม่มีอาการผิดปกติอย่างเด่นชัด แต่จะพบมีของเหลวสีคล้ำไหลมาจากช่องคลอด ถ้าหากลูกที่ตายถูกเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนอย่างรุนแรง ก็จะเกิดการเน่าเหม็นและสามารถติดเชื้อเข้าสู่กระแสเลือดของแม่แมวได้ทันที ส่วนแมวที่ทำการคลอดลูกแล้ว ให้ลูกแมวได้กินนมประมาณ 40 วัน หลังจากนั้นผู้เลี้ยงก็สามารถนำแม่แมวไปฉีดวัคซีนได้เช่นกัน

ที่มาจากหนังสือคู่มือสำหรับการเลี้ยงแมวไทย คุณนฤมล มานิพพาน